วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บางทีเราก็มองหาสาเหตุที่ทำให้เราเครียดอย่างผิดทาง

บางทีเราก็มองหาสาเหตุที่ทำให้เราเครียดอย่างผิดทางและการหาวิธีแก้ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง

เพราะความเครียดบางครั้งไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยภายนอก แต่หากอยู่ที่ตัวเรานี่เอง ถ้าเราเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองให้ได้ เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจตัวเราและเข้าใจชีวิต เราก็ย่อมมีความสุขได้เพราะไม่มีความกังวลใดมาทำให้เราเคร่งเครียดได้มากนัก



ความทุกข์บางอย่างเราต้องปล่อยวาง ความกังวลบางเรื่องเราต้องไม่แบกมันไว้

ปล่อยให้ปัญหาบางอย่างคลี่คลายเองบ้าง อย่าเก็บไปครุ่นคิดทุกคืนก่อนเข้านอน ให้โอกาสตัวเองได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบและสุขสบายบ้าง วันรุ่งขึ้นก็ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ถ้าเก็บความทุกข์มาขบคิดตลอดเวลาเราก็ยิ่งเป็นทุกข์ ใช่ว่ายิ่งคิดแล้วจะยิ่งหาทางแก้ไขได้

มาเข้าใจเรื่องของความเครียดกันดีกว่า

เรื่องความเครียดน้อยคนที่จะเข้าใจ บางคนเครียดแต่อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเครียด หรือบางคนไม่ได้เครียด

แต่ก็คิดและทำให้ร่างการย่ำแย่จนเครียดจริง ๆ การทำความเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับความเครียไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก ขณะเดียวกันเมื่อเกิดความเข้าใจแล้ส ภาวะตึงเครียดอาจไม่เป็นปัญหาต่อเราต่อไปในอนาคต

ความเครียดไม่ได้เป็นโทษเสมอไป คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเมื่อเครียดแล้วก็มีแต่โทษ ร่างกายเสื่อมโทรม จิตใจไม่สดใส นั่นเป็นเพราะเครียดกันมากเกินไป ความจริงแล้วความเครียดก็มีประโยชน์ ทำให้เราทำงานอย่างเต็มที่ ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ช่วยจุดไฟในร่างกาย แต่ความเครียดนั้นต้องเหมาะสม ไม่หย่อนหรือตึงจนเกินไป



แต่ละคนเครียดแตกต่างกัน

คนเราเผชิญปัญหาต่างกัน หนักเบา มากน้อย แต่ก็ต้องเจอดังนั้นความเครียดจึงหนักเบาต่างกันตามา นอกจากนี้สภาวะจิตใจความเข้มแข็งของแต่ละคนก็ต่างกันมาก คนที่อ่อนแอมาก คิดมาก แค่มีเรื่องเล็กน้อยก็จะเกิดความเครียดที่รุนแรงขึ้นมาได้

สนใจตัวเองเมื่อเครียด

การใส่ใจต่อภาวะตึงเครียดของตนเองทำได้ตั้งแต่เรารู้ตัวว่าเครียด อย่าคิดว่าถ้ามากค่อยใส่ใจ ตอนนี้เครียดแค่นี้ไม่เป็นไร เพราะความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ มาก่อนทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามตัวเองและดูแลจิตใจของตนให้ดีที่สุด

ความเครียดสะสมต้องระวัง

หลายคนมักเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว เพราะความเครียดจะแสดงทางกาย ก็ในขณะที่เราเครียดและมีความกดดันสูง แต่การไม่แสดงอาการก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เครียด ต้องถามตัวเองเสมอว่ารู้สึกอย่างไร คำตอบก็คงมีอยู่แล้วละ



เราสามารถจัดการกับความเครียดได้

หากเรารู้จักตั้งสติ และใช้เหตุผลความเครียดไม่มีทางทำร้ายเราได้อย่างแน่นอน ปัญหาใหญ่ ๆ ค่อย ๆ แก้ไขสักวันก็เล้กและหมดไปในที่สุด ทางออกมีอยู่หลายทางเลือกใช้กับตัวเองดู รับรองว่าต้อมีสักทางที่เป็นตัวคุณ

คนเครียดไม่ใช่โรคจิต

เวลาเครียดนั้นทำให้เรามีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เพราะจิตใจไม่ปกติ ไม่สบาย แต่ไม่ได้เป็นโรคจิต พวกเขายังมีสติดี แต่ถูกกดดันจากปัญหาค่อนข้างมาก จึงไม่ค่อยทำกิจกรรมเหมือนคนอื่นทำมากนัก เท่านั้นเอง

บุรี่และแอลกอฮอล์ไม่ใช่ทางออก

เมื่อเกิดความเครียด หลายคนจะพึ่งของอย่างอื่นในการดับความเครียดอย่างเช่ย บุรี่และแอลกอฮอล์ เพราะทำให้รู้สึกสบายใจไม่ต้องคิดอะไรไประยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นทุกอย่างจะกลับสู่ความเครียดแต่มากกว่าเดิม ควรหันมาดื่มนมและน้ำผลไม้จะดีต่อสุขภาพมากกว่านะจ๊ะ

การเข้าใจความเครียดเบื้องต้นนี้จะทำให้เราปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเมื่อเราเครียด ทางออกของปัญหารออยู่แล้วหากเราเข้าใจและรู้สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจลึกซึ้ง แล้วชีวิตนี้ก็จะหมดเครียดมีแต่สุขกายสบายใจ พร้อมสู้ศึกชีวิตน้อยใหญ่ต่อไปเรื่อย ๆ

มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน

มองทุกอย่างเป็นเรื่องน่าสนุกสนาน ไม่คิดแต่แง่ลบ คนที่เปิดใจกว้างจะเป็นคนที่เปิดบานแจ่มใส หัวเราะเมื่อฟังเรื่องตลกจากผู้อื่น และฝึกเล่าเรื่องขำขันให้เพื่อน ๆ ฟังบ้าง เมื่อเกิดอุปสรรค์ใด ๆ ก็มองในแง่ดีเอาไว้ก่อนว่าจะต้องแก้ใขได้




ถ้าใช้ชีวิตอย่างเคร่งเครียดในทุกอย่างที่ทำ รวมทั้งทุกคนที่อยู่รอบตัว ก็จะไม่ราบรื่นและก่อให้เกิดภาวะความเครียดได้ง่ายขึ้น

ลดความวุ่นวายในชีวิตลงบ้าง

ปิดโทรศัพท์มือถือในวันหยุด อยู่้กับครอบครัวหรืออยู่ตามลำพังเงียบ ๆ พักผ่อนหรือทำงานอดิเรกที่โปรดปราณ ทำชีวิตให้ช้าลง



อย่าเร่งรีบทุกวี่ทุกวันจนเคร่งเครียด ฝึกนั่งสมาธิบ้างให้มีเวลาสัก 20 นาทีที่จะทำจิตใจให้สงบและมีสติ การทำอะไรให้ช้าลง หยุดเร่งรีบ ร้อนรน ย่อมไม่ทำให้สูญเสียความก้าวหน้าไปอย่างแน่นอน

ทบทวนความต้องการของตนเองและความต้องการของจิตใจอยู่เสมอ

อย่าทำอะไรตามกฎเกณฑ์ของภาวะแวดล้อมเสมอไป หัดปฏิเสธให้เป็น กล้าที่จะพูดคำว่า "ไม่" กล้าที่จะทำตามความเป็นตัวเองบ้างไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนพอใจ



จนสูญเสียความเป็นตัวเองและเป็นปัจจัยกดดันตัวเราเองให้เครียดง่ายและไม่มีความสุขกับชีวิตของตัวเราเอง

เราได้ยินอยู่เสมอว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

คติเตือนใจข้อนี้เป็นแนวคิดที่ดี น่ายึดปฏิบัติตามเพราะการที่เรามีความทุกข์ส่วนใหญ่ เป็นเพราะเรากังวลมากเกินไปกับเรื่องของอดีต เราเครียดมากไปกับเรื่องของอนาคต ที่จริงแล้วถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราก็จะมีวันพรุ่งนี้ที่ดีได้เอง ส่วนเรื่องความผิดพลาดในวันวานเมื่อเกิดขึ้นไปแล้วก็ให้แล้วไป



จดจำไว้เป็นบทเรียนที่ดี อย่ามัวไปทุกข์กับเรื่องที่เิกิดขึ้นไปแล้ว และอย่ากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ชีวิตคนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก ถ้ายิ่งแสวงหาความสมบูรณ์แบบเรายิ่งไม่มีความสุขกับชีวิต ความสมบูรณ์ของชีวิตนั้น แท้จริงเป็นนิยามของความพอใจในชีวิตของเราต่างหาก

เป็นคนที่ผ่อนคลายเสมอ

ถ้าคุณสร้างกฎเกณฑ์ให้ชีวิตอย่างเข้มงวดเกินไป เราจะใช้พลังชีวิตสิ้นเปลืองมาก แล้ววันหนึ่งเมื่อสั่งสมความเครียดมากขึ้น เราก็จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พลังชีวิตก็จะเหือดหายไป ฉนั้นไม่ควรทำอะไรที่เป็นการแข่งขันกับเวลา แข่งขันกับตัวเอง หรือ แข่งขันกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา



คนเรามีความทะเยอทะยานได้ มีความระตือรือร้นได้ แต่ต้องรู้จักผ่อนคลายแทนที่จะสร้างความกดดันให้ตัวเองตลอดเวลา

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อย่าพยายามหาทางสร้างสุขให้ชีวิตคุณมากจนเกินไป

สิ่งใดที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากก็จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างความสุขในใจตัวเราเองก็คือการเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว เช่น นั่งมองลูกสุนัขเล่นกัน เราก็รู้สึกเพลิดเพลินมีความสุขได้



พูดจาแหย่เย้าเพื่อนให้ได้หัวเราะบ้าง และตัวเราเองก็มีความสุขไปด้วย ถ้าเรามีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรียบง่ายได้ เราก็จะเป็นคนที่ขจัดความเครียดได้ง่ายมากหากเกิดภาวะเคร่งเครีดยดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของฮอร์โมนกับความเครียด

ฮอร์โมน ในร่างกายของคนเรานั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งมีผลต่อร่างกายเราโดยตรง หากมีในปริมาณที่จำเป็นร่างกายก็จะปกติสุข และเกิดแต่ผลดี แต่ถ้าหมกมันมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดผลเสียเช่นกัน

ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับควาเครียยของเรานั้นมีอยู่ 2 ชนิดคือ คอร์ติซอล (Cortisol) และ (Adrenalin) ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดในสภาวะร่างกายที่เกิดความตึงเครียด ซึางหากร่างกายนำไปใช้ก็จะเกิดประโยชน์มากทีเดียว



ที่บอกว่าเกิดประโยชน์นั้น เพราะว่าการหลั่งเจ้าฮอร์โมนทั้งสองจะทำให้ร่างกายตื่นตัว หัวใจเต้นเร็ว การสูบฉีดโลหิตมากกว่าปกติ ร่างกายมีความพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เช่นเราพร้อมวิ่งหนีศัตรู หรือวิ่งหนีเวลาไฟไหม้ เรราแบกของหนัก ๆ ได้อย่างสบาย แต่ฮอร์โมนจะต้องถูกใช้ แล้วอาการต่าง ๆ จะหายไป ร่างกายจะกลับสู่ปกติ

ความจริงแล้วคนเราส่วนใหญ่เกิดความเครียดมักจะหมกตัวอยู่คนเดียว ไม่ทำกิจกรรมใดเลย ไม่ว่าจะเครียดเรื่องงาน เงิน หรือเรียนก็ตาม การที่เกิดความเครียดแล้วร่างกายไม่นำไปใช้ประโยชน์การการหลั่งฮอร์โมน ฮอร์โมนก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ อย่างตอนเวลาที่เราเครียดนั่นเอง ซึ่งอาการดังกล่าวมีตั้งแต่ ปวดหัว เบื่อ เมื่อยล้า จนถึงซึมเศร้าตลอดเวลา

ทางที่ดีแล้วเราควรหยุดเครียดจะดีที่สุด เพราะเราจะได้ไม่ต้องมีปัญหาต่าง ๆ ตามมา และไม่ต้องเสียเวลามานั่งเซ็งอยู่คนเดียว จนทำให้กลายเป็นคนขาดความสุขในชีวิตไปในที่สุด

วันพุธที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บุคคลที่เกิดความเครียดได้ง่าย

เราทุกคนสามารถเผชิญกับความเครียดได้เท่า ๆ กันต้องระวังความเครียดมากเป็นพิเศษ เพราะบุคคลต่อไปนี้เสี่ยงที่ต้องเผชิญความเครียดง่ายกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งบุคคลที่ต้องระวังจะเกิดความเครียดได้แก่

1. คนตกงาน คนกลุ่มนี้จะเครียดและสับสนได้ง่าย เพราะเป็นช่วงเวลาที่เคว้งคว้าง ไม่มีหลักในชีวิต ที่สำคัญเงินทาองที่จำเป็นต้องใช้ ไม่มีเหมือนเมื่อก่อน คนกลุ่มนี้จึงเครียดง่าย



2. หญิงวัยหมดประจำเดือน เขามีความเปลี่ยนแปลงเรื่องฮอร์โมนเพศ สภาพร่างกายและจิตใจแปรปรวน หากมีอะไรมากระทบจิตใจเพียงเล็กน้อยก็จะเครียดและงุดหงิดง่าย

3. คนวัยรุ่น คนกลุ่มนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มักจะทำอะไรโดยใช้อารมณ์ขาดเหตุผล ทั้งเรื่องเรียน ความรัก ล้วนสร้างความเครียดให้กับคนกลุ่มนี้ได้ง่าย เนื่องจากวุฒิภาวะไม่ค่อยมีมารกนัก จึงหาทางออกในการแก้ปัญหาไม่ได้



4. คนเป็นม่ายหรืออกหัก เรื่องความรักดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ของคนทุกคน ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดหวังขึ้น ก็เจ็บปวด เสียใจ เครียดง่าย และมากกว่าคนที่เจอเรื่องอื่น ๆ

5.บคคลที่ต้องรับผิดชอบสูง หากเราต้องรับผิดชอบอะไรมาก ๆ หรือหลาย ๆ อย่างเมื่อเกิดปัญหาก็จะลำบาก เพราะมีหลายเรื่องให้ครุ่นคิด เช่น หญิงบางคนทั้งที่ทำงานทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เขาก็จะเครียดง่าย เพราะต้องทำงานตลอดเวลา หรือผู้บริหารในองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องทำงานใต้แรงกดดัน ก็เครียดได้ง่ายมาก ๆ



6.คนที่อยู่คนเดียว ปัญหารุมเร้าจะทำให้เกิดความเครียด หากจะหันหน้าไปใครหรือปรึกษาใครก็ดูเป็นเรื่องยาก คนกลุ่มนี้จะโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เวลามีปัญหาจะท้อแท้และเกิดความเครียด เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้ได้ตลอดเวลา

คนกลุ่มต่าง ๆ ที่กล่าวมาเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อความเครียด ดังนั้นหากเรารู้ตัวว่ากำลังเสี่ยงหรือคนใกล้ชิดอยู่ในกลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ควรหาทางป้องกันและทางออกให้เหมาะสม ความเครียดก็จะไม่ถามหา หรือจะหายไปอย่างรวดเร็ว

รูปแบบความเครียดที่ควรรู้



ความเครียดเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่จะเครียดน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับปัญหา หรือการจัดการของแต่ละคนด้วย

หากเราจะรู้และเข้าใจถึงรูปแบบความเครียดบ้าง ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการกำจัดความเครียดของเราได้ รูปแบบความเครียดที่เราประสบกันอยู่นั้น มี 2 รูปแบบคือ

1."Acute Stress" ความเครียดในรูปแบบนี้เกิดจากสาเหตุทั่ว ๆ ไปเช่น ความแออัด เสียง อาการกลัว อากาศร้อน ตื่นกลัว หิวข้าว เป็นต้น สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเครียดขึ้นมาทันทีทันใด ร่างการจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด แต่หากพ้นสภาวะดังกล่าวแล้ว ร่างกายจะคืนสู่สภาวะปกติ ความเครียดแบบนี้จะเป็นแบบชั่วคราวเท่านั้น แต่หากเป็นบ่อย ๆ ร่างกายก็ไม่แข็งแรงทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย



2."Chronic Stress" ความเครียดรูปแบบนี้เป็นความเครียดชนิดเรื้อรัง ร่างกายเผชิญทุกวัน และไม่มีการตอบสนองอย่างฉับพลันเหมือนแบบแรกทางแก้ไขนั้นเป็นไปได้ยาก ความเครียดรูปแบบนี้มักได้แก่ ความเครียดที่เกิดจากที่ทำงาน ความขัดแย้งของคนในครอบครัว ความเหงาหรือความอ้างว้าง แต่ไม่ได้หมายความว่า ทางแก้ใขนั้นไม่มี แต่เราเองต้องพยายามและหาวิธีที่ถูกต้องให้กับตนเองในการจัดการกับความเครียดนั้น



การที่เราสังเกตและเข้าใจตนเองว่ามีความเครียดแบบใด ก็จะทำให้เราหาหนทางแก้ไขความเครียดที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังสามารถหาทางหลีกเลี่ยง หรือป้องกันความเครียดที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ด้วย ถามตัวเองดีกว่า ว่าตอนนี้เครียดอยู่หรือเปล่า? และเป็นแบบใหนกัน ?